ความแตกต่างระหว่างเครื่องผลิตออกซิเจนและถังออกซิเจน เลือกให้เหมาะกับผู้ป่วยและการใช้งานจริง
เครื่องผลิตออกซิเจนและถังออกซิเจนมีจุดประสงค์เดียวกัน คือใช้สำหรับบำบัดผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับทางเดินหายใจ เช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคปอด หรือภาวะหัวใจล้มเหลว แม้ทั้งสองชนิดจะ “ให้ออกซิเจนเหมือนกัน” แต่หลักการทำงานและรูปแบบการใช้งานต่างกันอย่างชัดเจน ซึ่งความแตกต่างนี้เองเป็นตัวกำหนดว่า ใครเหมาะกับเครื่องผลิตออกซิเจน และใครหรือสถานที่ใดควรใช้ถังออกซิเจน
ทำความรู้จักเครื่องผลิตออกซิเจนและถังออกซิเจน
ทั้งเครื่องผลิตออกซิเจนและถังออกซิเจนถูกใช้ร่วมกับผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ เพื่อช่วยให้ออกซิเจนในเลือดอยู่ในระดับที่เหมาะสม แต่การทำงานของแต่ละชนิดต่างกันโดยสิ้นเชิง ส่งผลต่อความสะดวกในการใช้งาน ค่าใช้จ่ายระยะยาว และสถานการณ์ที่เหมาะสมในการเลือกใช้
เครื่องผลิตออกซิเจน (Oxygen Concentrator)
เครื่องผลิตออกซิเจน คือ เครื่องมือทางการแพทย์ที่ออกแบบมาเพื่อผลิตออกซิเจนในความเข้มข้นสูง เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) โดยมักใช้ควบคู่กับเครื่องช่วยหายใจหรืออุปกรณ์ช่วยหายใจอื่น ๆ ตามคำแนะนำของแพทย์
หลักการทำงานของเครื่องผลิตออกซิเจนส่วนใหญ่ใช้ระบบ Pressure Swing Adsorption (PSA) โดยใช้สารซีโอไลท์ในการดูดซับไนโตรเจนออกจากอากาศที่ถูกอัดด้วยความดัน ซีโอไลท์มีพื้นผิวมากและสามารถดูดซับก๊าซได้จำนวนมาก เมื่อความดันลดลงไนโตรเจนจะถูกปล่อยออก เหลือเป็นออกซิเจนความบริสุทธิ์สูงประมาณ 90–96% สำหรับส่งต่อไปยังผู้ป่วย
ประเภทของเครื่องผลิตออกซิเจน
- Continuous Flow Portable Oxygen Concentrators เครื่องผลิตออกซิเจนแบบไหลต่อเนื่อง สามารถจ่ายออกซิเจนได้ 2–5 ลิตร/นาที เหมาะกับผู้ป่วยที่ต้องการออกซิเจนต่อเนื่องและควบคุมปริมาณได้ดีกว่าแบบ Pulse Dose
- Pulse Dose Portable Concentrators เครื่องผลิตออกซิเจนแบบจ่ายเป็นจังหวะตามการหายใจของผู้ป่วย (Pulse) ให้ปริมาณออกซิเจนประมาณ 450–1,250 มิลลิลิตร/นาที เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ไม่ต้องการออกซิเจนในปริมาณสูงมาก (ราว 2 ลิตร/นาที)
ข้อดีของเครื่องผลิตออกซิเจน
- ใช้งานง่าย – เพียงเสียบปลั๊ก เปิดเครื่อง ตั้งค่าตามที่แพทย์แนะนำ เครื่องก็สามารถผลิตออกซิเจนได้ทันที ไม่ต้องเปลี่ยนถังหรือเติมก๊าซ
- ประหยัดเวลา – ไม่ต้องคอยนำถังไปเติมก๊าซเหมือนถังออกซิเจน ลดความยุ่งยากในการจัดการเรื่องขนส่งและการเติมก๊าซ
- ประหยัดค่าใช้จ่ายระยะยาว – แม้ราคาเครื่องผลิตออกซิเจนจะสูงกว่าถังออกซิเจนในครั้งแรก แต่เป็นการลงทุนครั้งเดียว ใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนาน ช่วยลดค่าเติมก๊าซและค่าขนส่งในอนาคต
ข้อเสียของเครื่องผลิตออกซิเจน
- ต้องใช้ไฟฟ้าตลอดเวลา – เครื่องจะทำงานได้ก็ต่อเมื่อมีไฟฟ้า ผู้ป่วยที่ต้องใช้ออกซิเจนต่อเนื่องจึงควรมี “ถังออกซิเจนสำรอง” เผื่อกรณีไฟดับหรือฉุกเฉิน
- ไม่เหมาะกับการพกพาเดินทาง (รุ่นบ้าน) – รุ่นทั่วไปเหมาะกับการใช้งานในบ้าน เพราะตัวเครื่องมีขนาดใหญ่และต้องใช้ไฟฟ้าต่อเนื่อง แม้ปัจจุบันจะมีรุ่นพกพาที่ใช้แบตเตอรี่หรือไฟรถยนต์ แต่ก็ยังมีข้อจำกัดเรื่องระยะเวลาการใช้งานและราคา
ถังออกซิเจน
ถังออกซิเจน คือ ถังก๊าซที่บรรจุออกซิเจนความเข้มข้นสูง (ประมาณ 99%) ใช้สำหรับช่วยหายใจในผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจหรือภาวะพร่องออกซิเจน ตัวถังสามารถนำไปใช้งานได้ทั้งในโรงพยาบาล บ้าน หรือสถานที่ฉุกเฉินนอกสถานที่
ข้อดีของถังออกซิเจน
- ความบริสุทธิ์ของออกซิเจนสูง – โดยทั่วไปออกซิเจนจากถังจะมีความเข้มข้นราว 99%
- เหมาะกับการใช้นอกสถานที่ – มีหลายขนาด หลายไซส์ เคลื่อนย้ายได้สะดวก เหมาะสำหรับรถพยาบาล สนามกีฬา สนามแข่งขัน หรือสถานที่จัดคอนเสิร์ตและงานอีเวนต์ต่าง ๆ
- ไม่ต้องใช้ไฟฟ้า – สามารถใช้งานได้แม้ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีเสียงรบกวนจากเครื่อง
ข้อเสียของถังออกซิเจน
- ต้องเติมก๊าซบ่อย – ถังมีปริมาณก๊าซจำกัด เมื่อใช้หมดต้องนำไปเติมใหม่ ส่งผลให้เสียเวลาและเสียค่าใช้จ่ายในการขนส่งและบริการเติมก๊าซ
- ค่าใช้จ่ายระยะยาวสูง – ค่าก๊าซเติมถังแต่ละครั้งไม่คงที่ในแต่ละวัน เมื่อรวมค่าเดินทาง ค่าขนส่ง และค่าบริการเติมก๊าซระยะยาว มักมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า “การลงทุนซื้อเครื่องผลิตออกซิเจน” ในหลาย ๆ กรณี
- มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย – ถังออกซิเจนมีโอกาสรั่วได้ และเมื่อมีออกซิเจนสะสมในอากาศมากผิดปกติ หากมีประกายไฟอาจเกิดไฟไหม้ได้
สรุปความแตกต่างระหว่างเครื่องผลิตออกซิเจนและถังออกซิเจน
เครื่องผลิตออกซิเจน
ทำงานคล้ายเครื่องปรับอากาศ คือดูดอากาศจากภายนอก เข้าสู่ระบบกรองและแยกก๊าซ จากนั้นส่งออกมาเป็นออกซิเจนความเข้มข้นสูงต่อเนื่อง เหมาะกับผู้ป่วยที่มีระดับออกซิเจนต่ำ และต้องใช้ออกซิเจนเป็นเวลานานในแต่ละวัน
มีความสม่ำเสมอในการให้ออกซิเจน และด้านความปลอดภัยถือว่าปลอดภัยกว่าถังออกซิเจน เพราะไม่มีความดันก๊าซอัดสูงเหมือนถัง จึงลดความเสี่ยงการรั่วหรือการระเบิดได้
ถังออกซิเจน
ถังออกซิเจนมีข้อดีคือใช้งานได้โดยไม่ต้องใช้ไฟฟ้า ไม่มีเสียงรบกวนในการให้ออกซิเจน และเหมาะกับการใช้งานในระยะสั้นหรือกรณีฉุกเฉินนอกสถานที่ เช่น รถพยาบาล สนามกีฬา หรือสถานการณ์ที่ไฟฟ้าไม่สะดวก
หากใช้ในระยะสั้น ถังออกซิเจนอาจมีต้นทุนเริ่มต้นที่ถูกกว่าเครื่องผลิตออกซิเจน แต่หากต้องใช้ต่อเนื่องในระยะยาว ค่าเติมก๊าซและค่าขนส่งจะสูงกว่าการลงทุนซื้อเครื่องผลิตออกซิเจนอย่างมีนัยสำคัญ
แม้เครื่องผลิตออกซิเจนและถังออกซิเจนจะมีความคล้ายกันในแง่ “การให้ออกซิเจนกับผู้ป่วย” แต่มีความแตกต่างกันมากในแง่ของการใช้งานจริง ต้นทุนระยะยาว ความสะดวก และความปลอดภัย ดังนั้น “สิ่งสำคัญที่สุด” ในการเลือกซื้อ คือการดูจากรูปแบบการใช้งานและความต้องการของผู้ป่วยเป็นหลัก
เลือกเครื่องผลิตออกซิเจนและอุปกรณ์ทางการแพทย์อย่างมั่นใจที่ Fasicare
ที่ Fasicare เราเป็นผู้นำด้านอุปกรณ์ทางการแพทย์และการดูแลผู้สูงอายุ มีทั้งเตียงผู้ป่วย อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก สินค้าสำหรับผู้สูงอายุ รถเข็นไฟฟ้า เตียงผู้ป่วยไฟฟ้า ที่นอนป้องกันแผลกดทับ รถเข็นหัดเดิน และอุปกรณ์อีกหลากหลายชนิด
ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าได้ผ่านหลายช่องทาง ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทีมงานมืออาชีพที่คอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด เพื่อให้คุณได้สินค้าที่ตรงกับสภาพร่างกายผู้ป่วย ตรงวัตถุประสงค์การใช้งาน และอยู่ในงบประมาณที่คุณกำหนด
เราหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านในการตัดสินใจเลือกใช้อุปกรณ์ให้ออกซิเจน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องผลิตออกซิเจนหรือถังออกซิเจน ปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณา คือ วัตถุประสงค์การใช้งาน งบประมาณ และตัวแทนจำหน่ายที่ได้มาตรฐาน หากมีครบทั้งสามสิ่งนี้ คุณก็จะได้สินค้าคุณภาพที่ตอบโจทย์การใช้งานจริง ในราคาที่เหมาะสม
หากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมเรื่องเครื่องผลิตออกซิเจนหรืออุปกรณ์ผู้ป่วย สามารถติดต่อทีมงาน Fasicare ได้ทุกช่องทาง หรือเยี่ยมชมสินค้าได้ที่ www.fasicare.com เราพร้อมเป็น “เพื่อนคู่คิดด้านสุขภาพ” ให้กับคุณและคนที่คุณรัก


